อยากรู้ : การ Optimize พื้นที่เพาะปลูก ให้ได้กำไรสูงสุด
Series : Easy Production -
Thailand 4.0
เกริ่นนำ : บทความเหล่านี้เขียนขึ้น เพื่อเล่าเรื่องการผลิตในอุตสาหกรรม โดยใช้ประสบการณ์ของผู้เขียน
เนื้อหาแบ่งเป็นหลายตอน ผู้อ่านสามารถเลือกเฉพาะบทความที่สนใจได้
-------------------------------------------------------------------------------------------
การ optimize
จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีการวางรูปแบบที่เรียกว่า โมเดล (Model) ในแต่ละโมเดล ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่
-
Objective
คือ วัตถุประสงค์ในการทำ optimize มีหลักการทำงาน 2 แบบใหญ๋ๆ
คือ
1. เพื่อให้ได้ค่าสูงสุด ในที่นี้
เช่นต้องการให้ได้กำไรมากที่สุด
2. เพื่อให้ได้ค่าต่ำสุด เช่น
ต้องการให้เกิดต้นทุนต่ำสุด
-
Variable
คือ
ตัวแปรที่ต้องการให้ระบบหาคำตอบให้ เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์
-
Constraint
คือ
ข้อจำกัดของเงื่อนไขที่ใช้ในแต่ละโมเดล
-----------------------------------------------------------------------------------------
ตัวอย่างการ optimize
พื้นที่เพาะปลูกเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด
ชาวไร่มีพื้นที่เพาะปลูก 500 ไร่ สำหรับปลูกมันสำปะหลัง
ข้าวโพด และอ้อย เพื่อขายและใช้เลี้ยงปศุสัตว์
ราคาขายของมันสำปะหลัง ข้าวโพด และอ้อย เป็น 2300,
6000 และ 1000
บาทต่อตัน
อย่างไรก็ตามปริมาณอ้อยที่ขายได้มากกว่า 600 ตัน
จะได้ราคาขายที่ 700 บาทต่อตัน เนื่องจากกฎระเบียบทางการเกษตร
ชาวไร่ มีความจำเป็นในการใช้มัน และข้าวโพดเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ฟาร์ม
โดยต้องการ มันสำปะหลัง 40 ตัน และ ข้าวโพด 90
ตัน
โดยถ้าซื้อจากตลาด มันสำปะหลังและข้าวโพด จะมีราคาที่ 3000 บาทต่อตัน และ 7000 บาทต่อตัน ตามลำดับ
ต้นทุนการเพาะปลูกต่อไร่สำหรับมันสำปะหลัง ข้าวโพด และอ้อย
คือ 1500, 2000 และ 1700 บาท ตามลำดับ
ผลผลิตเฉลี่ยของพืชทั้ง 3 ชนิดนี้ ได้แก่ มันสำปะหลัง 3.6 ตัน / ไร่ ข้าวโพด
0.7 ตัน / ไร่ และอ้อย 11 ตัน / ไร่
ชาวนาควรจะจัดการพื้นที่ในการปลูกพืชอย่างไร จึงจะมีกำไรสูงสุด
ผู้สนใจ ศึกษาการทำงานเบื้องต้นจากไฟล์ประกอบ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำหรับผู้ที่สนใจบทความ
สามารถติดตามจาก
https://www.facebook.com/ConsultChorn
https://consultchorn.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น